EA เดินหน้าลงทุนเต็มสูบ เพิ่มงบลงทุนปีนี้เป็น 1.23หมื่นล้านบาท จากเดิม 7พันล้านบาทลุยโรงงานแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV)เชื่อเข้าลงทุน NEX หนุนการเติบโต ด้านโรงงาน PCM เตรียมเดินเครื่องเดือนมิถุนายนนี้พร้อมบุกตลาดญี่ปุ่น-ยุโรป
นางสาวออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือEA เปิดเผยว่า
บริษัทปรับงบลงทุนปีนี้เพิ่มเป็น 12,388 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท โดยจะใช้สำหรับ การลงทุน LPHหรือแลนด์ พรอสเพอริตี้ 40% ,การลงทุนโครงการแบตเตอร์รี่ จำนวน 26% ,ลงทุน E Ferry จำนวน 11%,ลงทุน EV Car9% , ลงทุนกรีนดีเซล และ PCM จำนวน 7% ,ลงทุนสถานีชาจน์จำนวน 3% ,ลงทุนไฟฟ้าจำนวน 2% และอีก2% เป็นการลงทุนเรื่องของ B100 และการวิจัย
*เดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมาบริษัทลงทุนซื้อหุ้นบริษัท แลนด์ พรอสเพอริตี้ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวนไม่เกิน285 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 19 ของหุ้นทั้งหมด อีกทั้งบริษัท อีเอ โมบิลีตี โฮลดิง จำกัด (EMH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าลงทุนในบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX โดยจะเข้าถือหุ้นในอัตราส่วน 40.013% โดยการซื้อหุ้น PP จำนวนไม่เกิน 670,000,000 หุ้น รวมเป็นเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
นอกจกานี้ บริษัทมองหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งได้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่อีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท อีเอเวสท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (EWM) เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ของบริษัทในกลุ่มที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะ รวมถึงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตจากขยะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจราจาหากมีความชัดเจนจะรายงานต่อไป และบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) เพื่อดำเนินธุรกิจในการผลิต ประกอบยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงจำหน่ายและให้บริการเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท
*ส่งมอบรถEV 180 คัน
สำหรับภาพรวมธุรกิจปีนี้ยังเดินหน้าต่อเนื่องในทุกธุรกิจ โดยโครงสร้างรายได้ปีนี้มาจาก ธุรกิจโรงไฟฟ้าราว 65%, ธุรกิจรถยนต์ EV ราว 27%, ธุรกิจไบโอดีเซล ราว 17%, ธุรกิจกรีนดีเซล และ PCM ราว 4% และอีก 1% เป็นธุรกิจ E-Ferry & Charging
โดยปีนี้ธุรกิจรถยนต์EV อาจจะมีสัดส่วนรายได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากจำเป็นต้องเลื่อนการผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1เนื่องจากลูกค้าหลักซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถยนต์สาธารณะในบริเวณโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิได้รับผลกระทบ จึงมีการปรับเลื่อนระยะเวลาการผลิตและส่งมอบออกไปเป็นช่วงไตรมาส 4/2563 จำนวน 180คัน และทยอยส่งมอบจนครบ 5 พันคัน ถึงไตรมาส 4/2564
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าผลประกอบการยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมมีหน่วยการผลิตไฟ้ฟาในระดับสูง ทั้งนี้ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 664 เมกะวัตต์
*ไบโอดีเซลเติบโตดี
ขณะที่ธุรกิจธุรกิจไบโอดีเซล มีการเติบโตที่สูงขึ้นจากราคาขายน้ำมันไบโอดีเซลที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันปาล์มดิบที่เป็นวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการที่ภาครัฐส่งเสริมการใช้น้ำมัน B10เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาทำให้เกิดความต้องการเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้องมีการปรับคุณสมบัติของ B100เพื่อให้นำไปใช้เป็น B10 ได้ จึงทำให้ราคาขายขยับสูงขึ้น
ขณะที่ธุรกิจ ‘สารเปลี่ยนสถานะ’ หรือ PCM บริษัทได้เดินหน้าในการเตรียมความพร้อมเกือบ 100% แล้ว คาดว่าโรงงานจะเดินเครื่องได้เดือนมิถุนายนนี้ ทั้งนี้บริษัทเชื่อว่า PCM จะมีการเติบโตที่สูง มีตลาดรองรับอย่างต่อเนื่อง ทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น ส่วนเรือไฟฟ้า ตามแผนที่วางไว้ จะทยอยส่งมอบต่อเนื่อง
https://www.thunhoon.com/article/223123