EA หรือ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หุ้นแห่งอนาคตในดวงใจของใครหลายคน ที่บอกว่าหุ้นแห่งอนาคตเพราะธุรกิจใหม่แทบจะทุกธุรกิจนั้น EA บริษัทเป็นรายแรกในไทยที่บุกเบิก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า โรงงานแบตเตอรี่ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งผลิตสารเปลี่ยนสถานะจากน้ำมันปาล์ม (PCM) และยังทำแอปซื้อขายปาล์มผ่านบล็อกเชนอีกด้วย
ด้วยความที่เป็นธุรกิจอนาคต ทำให้ตลาดประเมินมูลค่าหุ้นของ EA คนละขั้วมีทั้งหลักสิบและหลักร้อย ขึ้นอยู่กับภาพความสำเร็จในอนาคตที่ตลาดให้มูลค่ากับ New S-Curve
New S-Curve บางธุรกิจจะทยอยสร้างรายได้เชิงพาณิชย์อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ โอกาสและอุปสรรคของธุรกิจตอนนี้มีอะไร อนาคตปีนี้และปีหน้า EA จะโตไปอีกเท่าไหร่ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” จะพาไปอัปเดตกับ คุณอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA
***โครงการ แบตเตอรี่ลิเทียม ไอออน เริ่มผลิตปลาย Q3/63
คุณอมร เล่าว่า ขณะนี้กำลังเร่งวางโครงสร้างพื้นฐาน สร้างโรงงาน และทยอยนำเครื่องจักรมาติดตั้ง น่าจะเริ่มผลิตประมาณปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 สำหรับแบตชุดแรก ซึ่งจะนำมาเพื่อป้อนรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
“อยากเห็นตัวธุรกิจแบตเตอรี่เริ่มสร้างรายได้ปีนี้ เพราะว่าปีหน้าจะได้เข้ามาเต็มปี แล้วก็จะได้วางแผนเฟสต่อไปว่าจะขยายทันทีไหม หรือว่าจะซอยให้มันเล็กลงไปอีก ซึ่งเรื่องนี้คงต้องไปประเมินตลาด EV ที่มันจะเกิดด้วย”
เรื่องการขยายกำลังการผลิตของโรงแบต ต้องดูกันเป็นปีต่อปีเพราะตลาดรถ EV ยังเป็นตลาดที่ยังเพิ่งจะ “ตั้งไข่” วันนี้นโยบายภาครัฐก็ยังไม่ได้ชัดเจน แต่ก็เห็นเริ่มมีการขยับแล้ว เช่น มีการกำหนดค่าไฟสำหรับเครื่อง Charger ซึ่งนับว่าเป็นตัวแปรหนึ่งที่สำคัญในการที่จะทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจถูกว่าจะเข้ามาหรือไม่เข้ามาในธุรกิจนี้ เมื่อความชัดเจนมันเกิด จะมีผู้เล่นรายที่ 2-3-4 เข้ามาในตลาด สถานีชาร์จแบตเตอรี่จะยิ่งครอบคลุมทั่วประเทศได้เร็วขึ้น แทนที่จะมี EA ทำอยู่รายเดียว ซึ่งมันทำให้ตลาดในภาพรวมโตช้า
เรื่องของแบตเตอรี่ สำหรับโรงไฟฟ้ายังต้องสำรวจต่อ เพราะยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ในขณะที่หลายๆ ประเทศเริ่มให้ความสนใจ เพราะมองว่าเป็นทางเลือกสำหรับประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานไม่แข็งแรงเหมือนประเทศไทย เช่น ประเทศที่ยังไม่ค่อยมีสายส่ง ซึ่งเรื่องนี้จะตอบโจทย์แต่ด้วยความที่ยังเป็นเรื่องใหม่ คนยังไม่มั่นใจ จึงต้องหาวิธีพิสูจน์ต่อไป
***ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเริ่มขยับ เพียงแต่ยังไม่ขยายวงกว้าง
สะท้อนจากช่วงนี้มีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาหา EA ทั้งผู้ประกอบการที่มีรถใช้งานในเชิงพาณิชย์ เช่น รถประจำทางตามหัวเมืองใหญ่ๆ หรือรถที่เกี่ยวกับเรื่องของภาคโลจิสติกส์ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดต้นทุนโดยตรง จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะเวลาเสนอราคาประมูลงาน
องค์กรขนาดใหญ่ในไทยทั้งหน่วยงานราชการ สถาบันการเงิน หรือภาคเอกชน ก็มีหลายแห่งเข้ามาเจรจากับ EA เนื่องจากมีความคิดที่จะเปลี่ยนรถทั้งหมดไปเป็น EV แม้จะไม่ได้หมายความว่าทาง EA จะได้งานทั้งหมด แต่อาจจะมีพื้นที่บางส่วนที่ EA สามารถเข้าไปตอบสนองความต้องการได้
“ตรงนี้จึงบ่งชี้ให้เห็นว่าวันนี้ตลาดรถ EV เริ่มขยับ คนเริ่มตระหนักมากขึ้นเพียงแต่ว่ามันอาจจะยังไม่ได้เป็นข่าวไปในวงกว้าง เพราะแต่ละองค์กรต่างก็คิดกันในมุมขององค์กรตนเอง ที่จะเตรียมความพร้อมปรับเปลี่ยนสู่เทรนด์อนาคต เปลี่ยนจากรถที่ใช้น้ำมันไปเป็นรถ EV”
***คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า “MINE SPA1” ปีนี้ 5,000 คัน
ปีนี้คาดว่าจะขายได้ประมาณ 5,000 - 10,000 คัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลว่าจะสนับสนุนเรื่องนี้มากแค่ไหน อย่างเช่น ในประเทศที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันตลาดรถยนต์ไฟฟ้า จะให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่กระตุ้นให้คนเกิดความสนใจอยากเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า
แต่หากภาครัฐยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนโยบาย ทางบริษัทก็จะต้องเดินหน้าสร้างดีมานด์ด้วยตัวเอง ซึ่งขนาดของตลาดก็จะเท่ากับเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ลูกค้ากลุ่มแรกที่มองตอนนี้คือ กลุ่มแท็กซี่อาจจะได้ประมาณสัก 5,000 คัน แต่ถ้ามีภาครัฐเข้ามาส่งเสริมก็มีโอกาสที่จะไปได้ถึง 10,000 คันในปีนี้ แล้วปีหน้า (2564) น่าจะโตขึ้นอีก
ตอนนี้ EA มีรถยนต์ไฟฟ้าที่สหกรณ์แท็กซี่จองเอาไว้ประมาณสัก 3,000 คัน เมื่อโรงประกอบเสร็จแล้วก็จะเริ่มส่งมอบได้ทันที คาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ตั้งแต่ช่วงปลาย Q2/63 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ Covid-19 อาจจะต้องประเมินใหม่อีกครั้ง
“แต่ตอนนี้มันอาจจะต้องประเมินใหม่นิดนึง เพราะมันมีปัจจัยเรื่องโควิด-19 เข้ามาเกี่ยว ก็ต้องยอมรับก่อนว่า หลายๆ อัน เครื่องจักรเอย หรืออะไรของเราหลายๆ เรื่องมันมาจากจีน เพราะฉะนั้นถ้าจีนเอง สมมมุติว่าตัวโรงงานยังไม่เปิด เราเองก็ต้องรอเขา”
แต่สถานการณ์ “โควิด-19” ไม่ใช่กระทบแค่ EA แต่มันกระทบไปทั่วโลก และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกอย่างอยู่ที่จีน ดังนั้น หากโรงงานที่จีนปิด ซัพพลายเชนที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป หรืออเมริกา ย่อมกระทบเหมือนกันหมด
***ตั้งเป้าสถานีชาร์จ EA Anywhere ปีนี้ 1,000 จุด
ปีนี้ตั้งเป้าจะขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ “EA Anywhere” ครบ 1,000 สถานี ครอบคลุมกรุงเทพฯ กับหัวเมืองใหญ่ เช่น เขาใหญ่ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต โคราช ขอนแก่น ส่วนช้าเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับพาร์ทเนอร์ที่จะติดตั้งสถานีชาร์จ แม้จะมีหลายจุดที่พร้อมติดตั้งแต่จะต้องดูองค์ประกอบอื่นด้านสภาพแวดล้อมด้วย เช่น พื้นที่จอดรถ หรือหากเป็นมันสถานีบริการน้ำมัน ต้องมีระยะเว้นจากหัวจ่ายน้ำมันแบบปกติกับตัว charger เป็นต้น โดยกระบวนการในการติดตั้งมีตั้งแต่ 2 สัปดาห์ไปจนถึงเป็นเดือน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพื้นที่ ที่จะส่งมอบให้ EA เข้าไปดำเนินการ
***เรือโดยสารไฟฟ้า ที่คนไทยรอคอยพร้อมแล้ว เหลือแค่รอกฎหมาย
ปลายเดือนมีนาคมนี้ เรือของ EA มีความพร้อมที่จะลงไปทดสอบวิ่งในแม่น้ำ โดยได้สร้างเรือไว้เพื่อทดสอบ 2 ลำและขณะที่ทดสอบนี้ก็จะมีการสร้างเรือลำใหม่ เชื่อว่าภายในสิ้นปี63 จะมีเรือพร้อมให้บริการได้ประมาณ 25-30 ลำ และต้นปี64 ก็จะมีเพิ่มเป็น 40 ลำตามเป้าหมาย
แต่ประเด็นสำคัญขณะนี้คือ การที่เรือจะสามารถนำลงไปวิ่งทดสอบได้นั้น ขึ้นอยู่กับว่ากฎหมายอนุญาตให้ทำได้หรือไม่ เพราะเดิมประเทศไทยมีแค่กฎหมายที่กำกับดูแลเรือที่ใช้น้ำมัน ไม่มีกฎหมายสำหรับเรือไฟฟ้าซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ โดยขณะนี้ EA ร่วมทำงานกับกรมเจ้าท่า เพื่อผลักดันให้กฎหมายนี้เกิดขึ้น
“ตอนนี้ทางกรมเจ้าท่าก็กรุณา ช่วยเร่งกระบวนการ เพื่ออยากจะให้เรา สามารถเอาเรือลงไปทดสอบในน้ำได้จริงๆ ซึ่งถ้ากฎหมายตรงนี้ยังไม่ออกเรือก็ยังลงน้ำไม่ได้ ตอนนี้ก็ทำงานกันค่อนข้างใกล้ชิดพยายามจะผลักดันให้มันเกิด กรมเจ้าท่าเองก็อยากให้มันเกิด เพราะก็มองว่ามันเป็นเรื่องของการส่งเสริมการคมนาคมทางน้ำ เป็นเรื่องของภาพลักษณ์ และแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรม”