บรรยากาศผู้คนที่เดินขวักไขว่บนถนนและตรอยซอยไม่ใหญ่มากนักเป็นบรรยากาศภายใน “
ตลาดสำเพ็ง” สถานที่คุ้นหูของใครหลายๆคนเนื่องจากตลาดแห่งนี้เป็นย่านการค้าส่งที่เริ่มตั่งแต่การขายอาหารและพัฒนามาเป็นของใช้อุปโภค จนถึงปัจจุบันที่ถือว่าเป็นแหล่งจำหน่ายของกิ๊พช้อป ตุ๊กตา ของเล่น เครื่องเขียน เครื่องประดับ กิ๊บติดผม กระเป๋า รองเท้า และอุปกรณ์ของใช้ในบ้านรวมไปถึงของตก
แต่งบ้านอีกมากมาย โดยตลาดค้าส่งและปลีกอย่างตลาดสำเพ็งได้เปิดบริการทุกๆวันไม่มีวันไหนที่ตลาดแห่งนี้จะไม่มีผู้คนเดิน ด้วยเหตุผลที่เป็นย่านการค้าขายที่มีผู้คนมาจับจ่ายเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆจึงทำให้ ช่วง Market tour วันนี้ มาดูสถาการณ์การค้าขายของพ่อค้า
แม่ค้าที่ตลาดแห่งนี้
ซึ่งตั่งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในตลาดนี้ได้พบเห็นบรรยกาศพ่อค้า
แม่ขายร้องเรียกลูกค้ากันอยู่แทบทุกๆร้าน แต่สิ่งที่นสะดุดตาก็คือป้ายราคาที่หลายร้านเขียนว่า “Sale หรือ ลดราคา” ที่มีทั้งขายแบบส่งและขายแบบปลีกซึ่งป้ายลดราคานั้นก็สอดคล้องกับบอกของพ่อค้าร้าน 180 ที่จำหน่ายสินค้าพวกเครื่องประดับอย่างคาดผม กิ๊บติดผมรวมไปถึง
กระเป๋าแฟชั่นที่ตลาดสำเพ็งแห่งนี้มากกว่า 10 ปี ซึ่งพ่อค้ารายนี้บอกว่าการค้าขายที่ตลาดสำเพ็งผ่านไปครึ่งปีแล้วถือว่าไม่มีกำไรเท่าปีที่ผ่านๆมาพร้อมทั้งการค้าขายในปีนี้ซบเซ มากที่สุดเท่าที่ขายของมากว่า 10 ปี
พ่อค้าปรัชญ์อาศิส บอกว่ารายได้ที่ขายสินค้าในปีนี้ลดลงกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 30 ดังนั้นจึงทำให้ร้านค้าอื่นๆพยายามหาเทคนิคการดึงดูดลูกค้า เช่น การคิดไอเดียทำสินค้าใหม่ๆมาดึงดูดความสนใจให้แก่ลูกค้า สำหรับลูกค้าที่มาเดินที่ตลาดสำเพ็งแห่งนี้ในอดีตส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อในปริมาณมากและนำไปขายต่อแต่ด้วยเศรรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงทำให้ในปัจจุบันตลาดจำหน่ายกิ๊ฟช้อปนี้มีลูกค้าที่ซื้อแบบปลีกมากขึ้นซึ่งพี่ปรัชญ์อาศิสคาดว่าน่าจะมาจากเหตุผลที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายทั้งนี้เสียงสะท้อนจากพ่อค้ารายนี้เขาต้องการให้ราคาน้ำมันในตลาดบ้านเราลดลงเพื่อที่เศรษฐกิจจะได้ฟื้นตัว ยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้เราก็เห็นในทุกๆฝ่าย แต่อย่างไรก็ดีในส่วนของตัวเองนั้นการใช้เงินก็ต้องจัดสรรให้ดีและเลือกของที่ดีมีคุณภาพบวกกับราคาไม่สูงเข้าไปด้วยก็ดีคะ
