หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส แนะ 5 เคล็ดลับช่วยพนักงานรับมือกับปัญหาสุขภาพจิต  (อ่าน 1 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 18 ม.ค. 23, 14:10 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส แนะ 5 เคล็ดลับที่องค์กรสามารถช่วยพนักงานรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตได้อย่างเหมาะสม



บลู มันเดย์ (Blue Monday) ซึ่งในปี 2566 ตรงกับวันที่ 16 มกราคมนั้น หมายถึงวันที่เศร้าที่สุดของปีและเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครหลายคน ในช่วงเวลานี้หลาย ๆ คนกำลังเผชิญกับฤดูหนาวที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นขึ้นและช่วงเวลากลางวันที่หดสั้นลง ซึ่งอาจจะทำให้อ่อนไหวและสะเทือนใจง่ายจนก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder หรือ SAD) รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า 15% ของผู้ใหญ่วัยทำงานมีปัญหาด้านสุขภาพจิต โดยในแต่ละปี องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกจะสูญเสียจำนวนวันทำงานมากถึง 1.2 หมื่นล้านวันไปกับภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลของพนักงาน [1] ดังนั้น ปัญหาสุขภาพจิตจึงเป็นประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามได้ ทั้งนี้ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส (International SOS) ขอเน้นย้ำถึงความสำคัญที่องค์กรต่าง ๆ ควรตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานของตน พร้อมดำเนินการเพื่อที่จะปกป้องและส่งเสริมสุขภาพจิตของพนักงาน

นพ.. จามร เงินชารี ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส กล่าวว่า “หลังจากช่วงเวลาอันแสนสนุกสนานในเทศกาลปีใหม่ผ่านพ้นไป เป็นเรื่องปกติที่หลาย ๆ คนจะรู้สึกแย่เล็กน้อยในช่วงเวลานี้ของปี และรู้สึกยากลำบากที่จะต้องปรับตัวกลับเข้าสู่โลกการทำงานอีกครั้ง ในขณะที่บางคนอาจจะเผชิญกับแรงกดดันจากครอบครัวหรือด้านการเงินจากช่วงเทศกาล เนื่องจากหลายครัวเรือนต้องรับมือกับค่าไฟ ค่าจำนอง และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับที่รายงานภาพรวมความเสี่ยงจากอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ประจำปี 2566 (International SOS Risk Outlook 2023) ระบุว่า แรงกดดันด้านค่าครองชีพมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพจิตและการทำงานของพนักงานมากที่สุดในช่วงระยะเวลา 12 เดือนต่อจากนี้”

แม้ว่าการทำงานจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยปกป้องและป้องกัน (Protective Factor) สุขภาพจิต แต่อีกนัยหนึ่ง การทำงานก็อาจเป็นปัจจัยที่มีส่วนทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ลงกว่าเดิมได้ด้วยเช่นกัน หากปราศจากความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมจากนายจ้างแล้ว ปัญหาด้านสุขภาพจิตอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน และทำให้พนักงานลางานบ่อยขึ้น ด้วยเหตุนี้ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นการป้องกันไม่ให้พนักงานป่วยทางใจ และส่งเสริมให้ทุกคนดูแลตัวเองจึงถือเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับพนักงานเป็นอย่างยิ่ง

นพ. จามร กล่าวเสริมว่า “ขณะนี้องค์กรต่าง ๆ ตระหนักถึงความจำเป็นในการให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากยิ่งขึ้น [2] การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่พนักงานแต่ละคนสามารถยกระดับทักษะ จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการมีสุขภาพจิตที่ดี และการมีความคิดริเริ่มในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิตภายในองค์กรก็ถือเป็นกุญแจสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายจ้างควรทราบคือ พนักงานมักลังเลที่จะปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตกับเพื่อนร่วมงานและผู้จัดการ การที่จะแก้ปัญหานี้ องค์กรควรนำเสนอแนวทางที่หลากหลายซึ่งตอบสนองความต้องการและความคาดหวังที่แตกต่างกันของพนักงานแต่ละคน การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี เช่น การให้คำปรึกษาระยะสั้นแบบตัวต่อตัว การสร้างสภาพความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน บริการสายด่วนเพื่อสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง และการฝึกอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความเครียด ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับพนักงาน [3]”

อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ขอแบ่งปันคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถส่งเสริมภาวะสุขภาพจิตที่ดีของพนักงานท่ามกลางช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับพนักงานบางคน ดังนี้:

1. สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างทางอารมณ์ และส่งเสริมการสื่อสารแบบเปิด – สร้างพื้นที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับพนักงานเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี โดยสนับสนุนให้พนักงานกล้าที่จะพูดถึงความรู้สึกออกมาตรง ๆ หากตนเองรู้สึกไม่สบายใจหรือกำลังมีปัญหาที่หนักหนาเกินกว่าจะรับไหว

2. ส่งเสริมการดูแลตนเอง – องค์กรควรให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลตนเอง เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และเทคนิคการจัดการความเครียด โดยอนุญาตและสนับสนุนให้พนักงานหยุดพักจากการทำงานในระหว่างวัน เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์และยืดเส้นยืดสายเป็นระยะ ๆ

3. ให้ความยืดหยุ่น – ในแง่ของเวลาทำงานและสถานที่ทำงาน เพื่อที่จะช่วยให้พนักงานสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวตามความต้องการของแต่ละคน

4. ย้ำเตือนให้พนักงานรู้เสมอว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว – ส่งเสริมให้พนักงานใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพจิตและการสนับสนุนที่มีอยู่ขององค์กร เช่น การให้คำปรึกษาหรือโครงการช่วยเหลือพนักงาน

5. มุ่งเน้นไปที่การยกระดับทักษะผู้จัดการสายงานด้วยการฝึกอบรมเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่ดี หรือการฝึกอบรมการปฐมพยาบาลด้านจิตใจเบื้องต้น – เพื่อให้พนักงานระดับหัวหน้ารับรู้ถึงสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิตและรู้วิธีช่วยเหลือพนักงานที่อาจจะมีปัญหา

อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็มได้ที่ https://www.thaipr.net/general/3292055
noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม