หน้า: 1

ชนิดกระทู้ ผู้เขียน กระทู้: ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (ที่แท้) ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม  (อ่าน 1 ครั้ง)
add
เรทกระทู้
« เมื่อ: 26 ต.ค. 22, 11:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ
Send E-mail

แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?

ปิดปิด
 

ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (ที่แท้) ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม
AREA แถลง ฉบับที่ 776/2565: วันพุธที่ 26 ตุลาคม 2565

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

หลายคนบอกว่าในประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำกันมากเหลือเกิน ควรสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม แต่หลายคนก็ไม่รู้ว่าเครื่องมือในการสร้างความเท่าเทียมกันก็คือภาษีโดยเฉพาะภาษีอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

เมื่อเปรียบเทียบกับของไทยต่างกันมหาศาลกล่าวคือผู้ที่จะเสียภาษีมรดกโดยเป็นผู้สืบสันดาน จะเสียก็ต่อเมื่อราคาอสังหาริมทรัพย์เกินกว่า 100 ล้านบาทตามราคาประเมินทุนทรัพย์ของกรมธนารักษ์ ซึ่งประมาณการว่าราวหนึ่งในสามของราคาตลาด คือต้องมีราคาเกิน 300 ล้านบาทตามราคาตลาดจึงจะเสียภาษี เช่น สมมติเกินมา 50 ล้านบาท ส่วนที่เกินนี้ก็จะเสียภาษีในกรณีผู้สืบสันดานเพียง 5% หรือเพียง 2.5 ล้านบาทเท่านั้น แต่ถ้าเป็นในกรณีของญี่ปุ่น ส่วนที่เกิน 156 ล้าน คือ194 ล้าน (350-156) ต้องเสียภาษีถึง 55% หรือ 106.7 ล้านบาท แถมก่อนหน้าถึงช่วงที่ 156 ล้านบาท ยังต้องเสียภาษีตามลำดับ (โปรดดูตารางข้างต้น) ยิ่งกว่านั้นในกรณีของไทย ถ้าเราค่อยๆ ทะยอยยกให้ลูกขณะมีชีวิต ไม่เกินปีละ 40 ล้านบาท ก็ไม่ต้องเสียภาษีใดๆ ดังนั้นในกรณีประเทศไทย จึงมีเศรษฐี มหาเศรษฐีอยู่เหนือผู้คนทั่วไปมากมายเพราะ (แทบ) ไม่ต้องเสียภาษี

จำนวนปีที่ถือครอง ค่าใช้จ่ายเหมารวมที่หักได้

1 ปี 92%

2 ปี 84%

3 ปี 77%

4 ปี 71%

5 ปี 65%

6 ปี 60%

7 ปี 55%

8 ปีขึ้นไป 50%

จะเห็นได้ว่าภาษีจากกำไรจากการขาย ก็อาจอ้างอิงตามราคาประเมินราชการ แล้วแต่จะแจ้ง มีค่าใช้จ่ายหักเหมารวมมากมาย และอัตราภาษีก็ต่ำ แต่ถ้าเป็นในกรณีประเทศญี่ปุ่น คิดง่ายๆ แค่ว่า

1. ถ้าถือครองน้อยกว่า 5 ปี ต้องเสียภาษี 39.63%

2. ถ้าถือครองนานกว่า 5 ปี ต้องเสียภาษี 20.315%

การนี้แสดงว่าญี่ปุ่นเน้นว่าใครถือครองอสังหาริมทรัพย์สั้นๆ ก็ต้องเสียภาษีสูงเพราะอาจถือว่าเป็นการเก็งกำไร จึงต้องหักภาษีจากกำไรมากๆ เพื่อเป็นการไม่ส่งเสริมการเก็งกำไร ทำให้ผู้ซื้อบ้านตัวจริงเดือดร้อน ต้องซื้อบ้านในราคาแพงขึ้น ส่วนที่ถือครองนานๆ ก็ต้องเสียภาษีอย่างน้อย 20.315% ของกำไร ไม่ใช่จะ “ฟัน” กำไรเข้าตัวเองโดย (แทบ) ไม่เสียภาษีเช่นในกรณีระเทศไทยที่ช่วยพวกมีทรัพย์สินมากมายนั่นเอง

อย่างไรก็ตามหลายคนพอพูดถึงภาษี ก็จะเบือนหน้าหนี เพราะวันๆ ก็แทบจะหากินลำบาก ยังต้องจ่ายภาษีอีกหรือ ดังนั้นจึงมีความพยายามที่จะเลี่ยงภาษีกันสุดชีวิต และด้วยเหตุนี้นี่เอง ทางราชการก็จัดรายการลดหย่อนภาษีนิดๆ หน่อยๆ ให้กับประชาชนทั่วไป และเมื่อลดหย่อนให้กับประชาชนด้วย ก็อ้าง “ความเท่าเทียม” ลดหย่อนภาษีให้กับคนรวยๆ มหาศาล ทำให้ไม่มีเงินมาพัฒนาประเทศเท่าที่ควร ไหนงบประมาณยังอาจถูกเอาไปโกง หรืออาจถูกเอาไปใช้ในสิ่ง “ไร้สาระ” ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอีก

อย่างไรก็ตามหากเราจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ถูกที่ถูกทาง ประโยชน์ที่เราจะได้จะมากกว่าภาษีเสียอีก เช่น เราเห็นคนชอบขี่จักรยานยนต์บนทางเท้าซึ่งไม่ควรทำ เพราะอาจชนชาวบ้านหรือลูกเด็กเล็กแดงที่เดินๆ อยู่ หรือบางทีเราเห็นภาพคนอาบน้ำบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เพื่อประชดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยเหลือทำถนนให้ใหม่

ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะเราไม่มีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียงพอ ถ้าเรามีมากกว่านี้โดยเก็บจากประชาชน เราก็อาจจ้าง “ตำรวจบ้าน” มาคอยเดินลาดตระเวนถี่ๆ ใครบังอาจขับรถขึ้นบนทางเท้า ก็จับปรับทันที คนก็จะไม่กล้าอีกต่อไป ถ้ากฎหมายเข้มแข็ง แถมการเดินลาดตะเวนของ “ตำรวจบ้าน” พวกนี้ก็ช่วยแก้ปัญหาโจรขโมย ทำให้เราไม่สูญเสียทรัพย์สิน หรือกระทั่งสูญเสียชีวิตหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้น หรืออย่างกรณีถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ถ้าแต่ละเทศบาลหรือ อบต. สามารถจัดเก็บภาษีในท้องถิ่นได้เพียงพอ ก็จะทำให้มีงบประมาณในการซ่อมสร้างสิ่งต่างๆ ได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอเงินจากส่วนกลางเป็นหลัก นี่แหละภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นคุณอย่างยิ่งต่อประชาชนทั่วไป

อย่างไรก็ตามภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกลับมีข้อยกเว้นให้คนรวย จนสามารถถือครองที่ดินไว้ได้นานๆ โดยแทบไม่เสียภาษี หรือบางครั้งค่าเดินทางไปเสียภาษียังอาจสูงกว่าภาษีที่เสียไปเสียอีก ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินของนายกฯ ประยุทธ์ที่เคยขายไปแล้วจำนวน 50.77 ไร่ หรือ 20,308 ตารางวา มีราคาประเมินราชการอยู่ที่ 369.51 ล้านบาท เจ้าของใหม่นำไปปลูกต้นไม้ ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา ก็ไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ในกรณีบริษัทก็เสียภาษี 0.01%-0.1% แล้วแต่ว่ามูลค่าเท่าไหร่ ในกรณีนี้ หากสมมติตัวเลขกลางๆ ที่ 0.05% ก็เท่ากับเสียภาษีเพียง 184,755 บาทต่อปี และเมื่อก่อนหน้านี้มีลดให้ 90% เหลือเสียภาษีเพียง 18,475.5 บาทเท่านั้น

กรณีนี้นับว่าเป็นการลดหย่อนภาษีเพื่อช่วยคนรวยๆ โดยตรง แต่ถ้าเป็นในสหรัฐอเมริกาแต่ละคนต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 1-3% ของราคาตลาด (ไม่ใช่ราคาประเมินต่ำๆ เช่นในประเทศไทย) ดังนั้นถ้าเรามีที่ดินราคา 369.51 ล้านบาทตามราคาตลาด หรือตามราคาตลาดที่ 800 ล้านบาท และเสียภาษี 1% ปีหนึ่งๆ ต้องเสียภาษีปีละ 8 ล้านบาท ไม่ใช่ 184,755 บาทเช่นในกรณีประเทศไทย

ถ้าเราเก็บภาษีจากคนรวยๆ มาเจือจานสังคมได้ สังคมก็จะสงบสุข ไม่มีสงครามกลางเมือง ไม่ต้องมีการปฏิวัติโดยประชาชนเช่นในกรณีประเทศจีนหรือรัสเซียจนพวกรวยๆ ต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศจนไม่มีอะไรเหลือในที่สุด


ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

noticeแจ้งลบความคิดเห็นนี้   บันทึกการเข้า

กระทู้ฮอตในรอบ 7 วัน

Tags:
Tags:  

หน้า: 1

 
ตอบ

ชื่อ:
 
แชร์ไป Facebook ด้วย
กระทู้:
ไอค่อนข้อความ:
ตัวหนาตัวเอียงตัวขีดเส้นใต้จัดย่อหน้าชิดซ้ายจัดย่อหน้ากึ่งกลางจัดย่อหน้าชิดขวา

 
 

[เพิ่มเติม]
แนบไฟล์: (แนบไฟล์เพิ่ม)
ไฟล์ที่อนุญาต: gif, jpg, jpeg
ขนาดไฟล์สูงสุดที่อนุญาต 20000000 KB : 4 ไฟล์ : ต่อความคิดเห็น
ติดตามกระทู้นี้ : ส่งไปที่อีเมลของสมาชิกสนุก
  ส่งไปที่
พิมพ์อักษรตามภาพ:
พิมพ์ตัวอักษรที่แสดงในรูปภาพ
 
:  
  • ข้อความของคุณอยู่ในกระทู้นี้
  • กระทู้ที่ถูกใส่กุญแจ
  • กระทู้ปกติ
  • กระทู้ติดหมุด
  • กระทู้น่าสนใจ (มีผู้ตอบมากกว่า 15 ครั้ง)
  • โพลล์
  • กระทู้น่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 25 ครั้ง)
         
หากท่านพบเห็นการกระทำ หรือพฤติกรรมใด ๆ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมถึง การใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ พฤติกรรมการหลอกลวง การเผยแพร่ภาพลามก อนาจาร หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้ผู้อื่น ได้รับความเสียหาย กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม