อาจจะมีบางวันที่คุณเห็นท้องฟ้าไร้ดวงอาทิตย์ มีเพียงฟ้าหม่นสีเทาที่เป็นต้นเหตุให้ตึกที่ตั้งอยู่ไกล ๆ หายไปจากสายตา ยามอยู่บนถนน รถที่วิ่งข้างหน้าก็กลายเป็นภาพเบลอกว่าที่เคย โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังปกคลุมรอบตัวเรานั้นคือหมอกหรือฝุ่นกันแน่
พีเอ็ม 2.5 เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความรุนแรงในประเทศไทยต่อเนื่องมาหลายปี ในปีแรก ๆ ปัญหานี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ก่อนที่กระแสสังคมจะเริ่มซาลงเพราะผู้คนชินชากับปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงมกราคมถึงเมษายนซึ่งเป็นฤดูเผาพืชไร่ของแต่ละปี จริงอยู่ที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทั้งประชาชน รัฐ เอกชน รวมถึงนานาประเทศในภูมิภาคเดียวกันเพื่อแก้ปัญหา
ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่อาจแก้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ในระหว่างนี้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ไม่ใช่การปรับตัวให้ชิน แต่ต้องเข้าใจความอันตรายของพีเอ็ม 2.5 แล้วป้องกันตัวเองและคนที่รักให้ดีที่สุด เพราะฝุ่นจิ๋วนี้คือพิษร้ายที่เป็นระเบิดเวลาคอยทำลายสุขภาพของเราทุกคน
ควรหมั่นตรวจสอบดูค่าพีเอ็ม 2.5 ประจำวัน หากวันไหนที่ค่าสูงควรพยายามอยู่แต่ในตัวอาคาร ปิดหน้าต่าง-ประตูให้มิดชิด เปิดเครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยลดฝุ่นที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาในอาคาร หากต้องออกไปข้างนอกให้ใส่หน้ากากที่ช่วยกรองพีเอ็ม 2.5 ได้ โดยเลือกหน้ากากที่แนบสนิทกับหน้าโดยไม่มีรูร่องให้ฝุ่นเข้าไปภายใต้หน้ากาก งดออกกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งใด ๆ ที่ทำให้เกิดการหายใจถี่และลึกขึ้น เพราะจะทำให้เกิดการสูดดมพีเอ็ม 2.5 เข้าสู่ร่างกายมากขึ้น
และควรรับประทานอาหารหรืออาหารเสริมที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามิอี และเบต้าแคโรทีน ทั้งนี้มีผลวิจัยยืนยันว่า การรับประทานน้ำมันปลาซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่าง DHA (docosahexaenoic acid) และ EPA (eicosapentaenoic acid) ช่วยลดการอักเสบและภาวะเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ส่งผลต่อหัวใจและผิวหนังได้ นอกจากนั้น niacinamide ซึ่งพบมากในอาหารพวกปลา เห็ด และถั่วก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีฤทธิ์ปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เกิดจากการกระตุ้นของพีเอ็ม 2.5 ในหลอดทดลองได้
อ่านบทความต่อ >> https://www.topsvita.com/blog/post/the-dangerous-dust.html